1. หลีกเลี่ยงแสงแดด หลังได้รับรังสีจากดวงอาทิตย์ติดต่อกันไม่กี่วัน ผิวจะเริ่มผลิตเม็ดสีเมลานินออกมา ดูดซับ และกระจายรังสีออก ไม่ให้เข้ามาทำร้ายนิวเคลียสของเซลล์ ผิวไม่เพียงจะคล้ำขึ้น เซลล์ผิวชั้นบนก็จะหนาขึ้น หยาบขึ้น (อาจหนาขึ้นได้ถึง 6 เท่า) ผิวผลิตน้ำมันมากขึ้น รูขุมขนดูกว้างขึ้น และถ้าการกระจายตัวของเม็ดสีไม่เป็นไปอย่างสม่ำเสมอ ก็จะกลายเป็นปัญหาฝ้า กระ และจุดด่างดำ

2. หลีกเลี่ยงความร้อน ใครจะนึกบ้างว่า การปรุงอาหารหน้าเตาร้อนๆ เป็นประจำ การอบเซาว์น่า การอบไอน้ำ ความร้อนจากไดร์เป่าผม หรือแม้แต่การอาบน้ำอุ่นเป็นประจำ มีส่วนกระตุ้นให้สีผิวคล้ำขึ้นได้ โดยเฉพาะในผิวที่ไวต่อการเป็นฝ้า แพทย์ผิวหนังสังเกตพบว่า ผู้มีปัญหาฝ้าที่อาบน้ำอุ่นเป็นประจำ ผิวอาจไม่ตอบสนองต่อยารักษาฝ้า ต้องหยุดอาบน้ำอุ่น

3. เลี่ยงการรบกวนผิว เมื่อผิวเกิดภาวะอักเสบ จะกระตุ้นให้เกิดการสร้างเม็ดสีออกมามากผิดปกติ หลีกเลี่ยงการบีบ แกะ หรือขัดถูผิวรุนแรง เลี่ยงการจับต้องผิวหน้าโดยไม่จำเป็น ผลิตภัณฑ์ใดที่ใช้กับผิวควรอ่านข้อแนะนำอย่างละเอียด

4. เลี่ยงการใช้ฮอร์โมน การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในบางภาวะ จะกระตุ้นการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสี บางคนจะสังเกตเห็นว่า กระและฝ้าสีเข้มขึ้นในช่วงมีประจำเดือน หลังตั้งครรภ์ได้ 4-5 เดือน เกิดภาวะผิวหมอง และเป็นฝ้า หรือการได้รับยาคุมกำเนิดก็อาจกระตุ้นให้เกิดรอยหมองคล้ำ หรือฝ้าได้ในบางคน และอาจต้องเลี่ยงไปใช้การคุมกำเนิดวิธีอื่น

แนะนำ ข้อปฏิบัติใดที่ดีต่อร่างกาย ก็จะดีต่อผิวพรรณ อย่างการออกกำลังกาย การเลือกรับประทานอาหารที่อุดมด้วยคุณค่า นอนเป็นเวลา งดบุหรี่ กาแฟ แอลกอฮอล์ ดื่มน้ำสะอาดวันละ 7-8 แก้ว และอื่นๆ แต่ถ้าต้องการดูแลผิวให้ผุดผ่อง ขาวพิสุทธิ์ชวนทะนุถนอม ผิวนวลละเอียดเช่นสาวสูงศักดิ์ อาจมีสิ่งที่ต้องคำนึงอีก 3-4 อย่าง

1. การเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวขาวน่าจะมีองค์ประกอบมากกว่าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพื้นฐาน 3 อย่าง

• สารกันแดด ต้องสามารถปกป้องผิวทั้งจากรังสียูวีเอและยูวีบี สารกันแดดมีด้วยกันหลายชนิด บางชนิดปกป้องผิวเฉพาะรังสีช่วงสั้นๆ
• ช่วยส่งเสริมการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่มีเม็ดสีเมลานินตกค้างอยู่หนาแน่นออก
• และสุดท้าย ส่งเสริมให้ผิวผลิตเม็ดสีน้อยลง เพื่อผิวที่ผลัดขึ้นมาแทนที่เซลล์ผิวเก่าจะอยู่ในสภาพที่สดใสและผ่องผุดมากกว่าเดิม

แต่วิทยาการความงามได้ก้าวออกไป ค้นหาสารสกัดจากธรรมชาติที่จะช่วยให้ผิวผุดผาดในลักษณะที่ปลอดภัยกว่า สามารถลดการสร้างเม็ดสีได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป และไม่เกิดอันตรายต่อผิวในระยะยาว

2. การเลือกเมกอัพและเสื้อผ้า สีสันของเมกอัพ และเสื้อผ้าที่คุณใส่ มีส่วนช่วยให้ผิวดูขาวขึ้น หรือหมองลง แม้ทุกคนจะสามารถใส่เสื้อสีชมพู หรือทาลิปสติกสีชมพู แต่ชมพูมีเป็นร้อยเฉด บางเฉดคุณใส่แล้ว ผิวจะดูผุดผ่องขึ้น บางเฉดก็ดูหมองไป ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเม็ดสีใต้ผิวคุณออกโทนร้อนหรือเย็น ระดับความเข้มของเฉด วิธีที่ดีที่สุดคือ ลองเมกอัพกับผิว ทาบเสื้อกับตัวก่อนตัดสินใจซื้อ

3. การเปลี่ยนสีผม การทำไฮไลต์หรือเปลี่ยนสีผมให้อ่อนลง 1-2 เฉด จะช่วยให้ผิวดูผ่องขึ้นขาวขึ้น แต่ถ้าเปลี่ยนสีผมให้อ่อนกว่าสีผมธรรมชาติมากเกินไป จะทำให้ผิวดูซีด ควรปรึกษาช่างเพื่อให้ได้เฉดสีผมที่เหมาะกับคุณจริงๆ

4. สนุกกับชีวิต ใต้ผิวต่อกับปลายเส้นใยประสาท คอยส่งข้อมูลด้านสัมผัสจากโลกภายนอกเข้าสูสมองให้คุณได้รับรู้ ขณะเดียวกันภาวะอารมณ์ภายในของคุณก็ถูกสื่อกลับมา มีผลกระทบต่อผิว ภาวะที่ต้องตกอยู่ในความเครียดรุนแรง และยาวนาน สภาพผิวจะแย่ลง ผิวจะหมองลง ดูแก่ลงในเวลาอันรวดเร็ว บางคนจะเป็นฝ้า แต่พอความเครียดผ่านไป สภาพผิวก็จะค่อยๆ ดีขึ้น ผิวที่เคยหมองคล้ำก็จะดูเปล่งปลั่งขึ้น

ปรัชญาความงามปัจจุบัน ไม่ใช่แค่ดูแลสภาพผิวภายนอก แต่จะต้องดูแลสภาวะจิตใจภายในให้โลกรับรู้ นอกจากจะสนุกกับทุกจังหวะของชีวิต มองชีวิตว่าเป็นโอกาส ควรหาเวลาอย่างน้อยวันละ 30 นาที เพื่อผ่อนคลายและนำจิตใจสู่ภาวะสงบ จะด้วยการทำสมาธิ เล่นโยคะ เขียนไดอารี เดินหรือเล่นอะไรก็ได้